History
ประวัติศาสตร์
พระราขประวัติของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
(พ.ศ.๒๑๓๓-๒๑๔๘ )
สมเด็จพระนเรศวรเสด็จพระราชสมภพ
ณ พระราชวังจันทน์ที่พิษณุโลกในปี พ.ศ.๒๐๙๘ ทรงเป็นพระราชโอรสในพระมหาธรรมราชาและพระวิสุทธิกษัตรี
พระองค์มีพระขนิษฐา ๑ พระองค์ คือ พระสุพรรณกัลยาณี ทรงพระราชสมภพในปี
พ.ศ.๒๑๓๐ และทรงมีพระอนุชา ๑ พระองค์ คือ สมเด็จพระเอากาทศรฐ ทรงพระราชสมภพในปีพ.ศ.๒๑๓๖
เมื่อพระองค์ทรงมีพระชนมายุ
๙ พรรษา พม่าได้รุกรานกรุงศรีอยุธยา กรุงศรีอยุธยาซึ่งไม่อาจต้านทานได้ได้ส่งช้างเผือก๔เชือกให้แก่พม่า
และยังได้ส่งสมเด็จพระนเรศวรไปยังพม่าด้วย เมื่อพระองค์ทรงพำนักอยู่ในพม่าได้ทรงศึกษาวิชาความรู้ต่างๆ
ซึ่งจำเป็นต่อการสู้รบเป็นแม่ทัพกษัตริย์ของพม่าในสมัยนั้นทรงมี พระราชโอรสในรุ่นคราวเดียวกันกับสมเด็จพระนเรศวรพระนามว่า
พระมหาอุปราช ทั้ง ๒ พระองค์ทรงเป็นทั้งเพื่อนและคู่แข่ง วันหนึ่งทรงตีไก่ชนกันและไก่ชนของสมเด็จพระนเรศวรชนะและ
พระองค์ทรงกล่าวว่าพระองค์จะกู้อิสรภาพจากพม่าคืนมาสัก วันหนึ่ง
เมื่อพระองค์มีพระชนมายุได้
๑๕ พรรษา พม่าได้มีเงื่อนไขที่จะส่งตัวสมเด็จพระนเรศวรกลับมายัง กรุงศรีอยุธยาแต่ว่าทางกรุงศรีอยุธยาต้องส่งพระสุพรรณกัลยาณี
ไปพม่า อยุธยาซึ่งไม่ค่อยเต็มใจนักต้องจำใจทำตาม เพราะกษัตริย์อยุธยาทรงหวังไว้ว่าสักวันหนึ่ง
สมเด็จพระนเรศวรจะทรงกู้อิสรภาพคืนมาได้ เมื่อพระองค์กลับมาอยุธยา
ทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นตำแหน่งอุปราชจากพระมหาธรรมราชา และเมื่อมีพระชนมายุ
๑๖ พรรษา ทรงปกครองพิษณุโลก พระองค์ทรงช่วยงานสงครามในหลายคราว และทรงขึ้นครองราชย์เมื่อพระชนมายุ
๓๕ พรรษาในปี พ.ศ.๒๑๓๓
ในปี พ.ศ.๒๑๒๕
พม่าได้ส่งกองทัพมาสู้รบกับอยุธยา โดย มีแม่ทัพคือพระมหาอุปราชในคืนนั้นสมเด็จพระนเรศวรทรงมีศุภนิมิต
ว่า มีน้ำกำลังท่วมมาจากทิศตะวันตกและพระองค์ทรงสู้กับจระเข้ และเมื่อพระองค์ทรงตื่นจากบรรทม
พระองค์ได้ทรงให้โหรหลวงทำนายและโหรหลวงได้ทำนายว่า พระองค์จะได้ทรงสู้รบ
กับพม่าในอีกไม่ช้า ในเวลานั้นพระองค์ทรงได้ข่าวมาว่าพม่ากำลังส่งกองทัพมารุกราน
ดังนั้นพระองค์และสมเด็จพระเอกาทศรฐได้ทรงส่งกองทัพไป ยังชายแดนในทันที
เมื่อพระองค์ทรงเสด็จถึงจุดหมาย
ได้ทรงพบกับพระมหาอุปราช กองทัพอยุธยาซึ่งมีขนาดเล็กกว่าและช้างของสมเด็จพระนเศวร
นามว่าพระยาไชยานุภาพ และช้างของสมเด็จพระเอกาทศรฐนามว่า เจ้าพระยาปราบไตรจักร
ได้วิ่งตกมันเข้าไปในกองทัพพม่าแต่โดยลำพังเพียง ๒ เชือกเท่านั้นโดยไม่มีทหารตามเข้าไป
สมเด็จพระนเรศวรจึงได้ทรงออกอุบายให้พระมหาอุปราชออก มาสู้กับพระองค์บนหลังช้างเพียง
๒ พระองค์ พระมหาอปราชทรงตกลง การสู้รบเป็นไปอย่างดุเดือด จนสุดท้ายสมเด็จพระนเศวรทรงชนะ
และพระมหาอุปราชสิ้นพระชนม์บนคอช้าง สมเด็จพระเอกาทศรฐทรงชนะขุนนางพม่าเช่นเดียวกัน
ในการต่อสู้บนหลังช้าง หลังจากนั้นไม่มีศัตรูมารุกรายกรุงศรีอยุธยาเป็นเวลานานกว่า
๑๕๐ ปี สมเด็จพระนเรศวรทรงขยายอาณาจักรอยุธยาให้แผ่ขยายออก ไปอย่างกว้างขวาง
พระองค์สวรรคตในปี พ.ศ.๒๑๔๘ ณ เมืองหาง เมื่อทรงทำสงครามกับพม่า
ดังนั้น ประชาชนชาวไทยมีความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของ
พระองค์ที่ได้ทรงกอบกู้อิสรภาพและถวายพระนามพระองค์ว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
และได้สร้างศาลสมเด็จพระนเรศวรเพื่อเคารพสักการะพระองค์อีก ด้วย
Back
to top
|